พึงเที่ยวไปผู้เดียว
แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตรจะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน พึงเที่ยวไป
ผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
เสื่อม บุคคลเห็นภัย คือ การยังประโยชน์ให้เสื่อมในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ก่ายกันฉะนั้น บุคคลไม่ข้องอยู่ เหมือนหน่อไม้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ผู้รู้แจ้ง เพ่งความประพฤติตามความพอใจของตน พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียวเหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
บุคคลเพ่งความประพฤติตามความพอใจ ที่พวกบุรุษชั่วไม่เพ่งเล็งแล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ย่อมมีในบุตรทั้งหลาย บุคคลเมื่อเกลียดชังความพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็น
ที่รัก พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ตามได้ ครอบงำเสียซึ่งอันตราย ไม่หวาดเสียว พึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
ได้ยาก บุคคลเป็นผู้มีความขวนขวายน้อยในบุตรของผู้อื่น พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
นอแรด ฉะนั้น.
ร่วงหล่น ตัดเครื่องผูกแห่งคฤหัสถ์ได้แล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
สุด ผู้เสมอกัน กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว พึงเป็น
ผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ด้วยดีแล้ว กระทบกันอยู่ในข้อมือ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
เยื่อใย พึงมีได้อย่างนี้ บุคคลเล็งเห็นภัยนี้ในอนาคต พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
บุคคลเห็นโทษในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนอแรด ฉะนั้น.
แดด เหลือบและสัตว์เลื่อยคลานแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ตระกูลปทุม มีขันธ์เกิดขึ้นแล้ว ละโขลงอยู่ในป่าตามอภิรมย์ ฉะนั้น.
การที่บุคคลผู้ยินดีแล้วด้วยการคลุกคลีด้วยคณะจะพึงบรรลุวิมุตติอันมีในสมัย นั้นไม่
เป็นฐานะที่จะมีได้พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ญาณเกิดขึ้นแล้ว อันผู้อื่นไม่พึงแนะนำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
อันกำจัดเสียแล้ว ไม่มีความอยาก ครอบงำโลกทั้งปวงได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
นอแรด ฉะนั้น.
ฉิบหายมิใช่ประโยชน์ ผู้ตั้งอยู่ในกรรมอันไม่เสมอ ผู้ข้องอยู่ ผู้ประมาท พึงเที่ยวไป
ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ประโยชน์ ทั้งหลาย กำจัดความสงสัยได้แล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
จากฐานะแห่งการประดับ มีปกติกล่าวคำสัตย์ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
ตั้งอยู่ตามส่วนแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ยินดีน้อย มีทุกข์มาก ดุจหัวฝี ดังนี้แล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
กลับมาสู่ที่ไหม้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
แล้ว ผู้อันกิเลสไม่รั่วรดแล้ว และอันไฟคือกิเลสไม่แผดเผาอยู่ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ออกบวชเป็นบรรพชิต พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บิณฑบาตตามลำดับตรอก ผู้มีจิตไม่ผูกพันในตระกูล พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
ทิฏฐิไม่อาศัย ตัดโทษคือความเยื่อใยได้แล้วพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
อันบริสุทธิ์แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ประพฤติไม่เกียจคร้านมีความบากบั่นมั่นคงถึงพร้อมแล้ว ด้วยกำลังกาย และกำลังญาณ
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ธรรมทั้งหลาย พิจารณาเห็นโทษในภพทั้งหลาย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
ฉะนั้น.
มีการสดับ มีสติ มีธรรมอันกำหนดรู้แล้วเป็นผู้เที่ยง มีความเพียร พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ไม่ข้องอยู่ ในธรรมมีขันธ์และอายตนะเป็นต้น เหมือนลมไม่ข้องอยู่ในข่าย ไม่ติด
อยู่ด้วยความยินดี และความโลภ เหมือนดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
ราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำลัง ข่มขี่ครอบงำหมู่เนื้อเที่ยวไป ฉะนั้น.
ในกาลอันควร ไม่ยินร้ายด้วยโลกทั้งปวงพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
เวลาสิ้นชีวิต พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.