Saturday, May 25, 2013

Dhamma together:ตั้งคำถามกับตัวเองทุกครั้งว่า ทำอย่างไร

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 "ทุกครั้งที่ทุกข์ เราจะไม่ตั้งคำถามว่า ทำไม

แต่จะถามตัวเองว่า ทำอย่างไร

เพราะการเฝ้าหาเหตุผล

แล้วตีโพยตีพายจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์

การตั้งสติ แล้วค่อยๆ หาทางพ้นทุกข์ต่างหาก

ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากกว่า..."

 

กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ 

Word of wisdom:From Sir Alex Ferguson.

เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่เราไม่ชอบ

การสูญเสียหรือพ่ายแพ้ แต่

เราต้องทำอะไรสักอย่างกับการสูญเสีย

ครั้งนี้ และเราจะทำมันในวันข้างหน้านี้

ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ตำนานผู้จัดการทีม

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูในเต็ด

     "Of course we don't like losing

games but

we have to do something about it

and we will do tomorrow."

Sir Alex Ferguson.

The legend of Manchester United

Football Club Manager.

Dhamma together:ชั่วการกุศล...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

  "ถ้ายังจำต้องทำไม่ดี เลิกไม่ได้ (เช่น ขายเหล้า

ฆ่าปลา...ฆ่าสัตว์ ทำผิดศีล แต่ไม่ผิดกฎหมาย)

ให้เอาเวลาจากการทำไม่ดีแฉลบไปทำสิ่งที่ดีเสีย

เช่น ไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ ดูแลลูก ไปเข้าวัด ทำบุญ

ปล่อยนกปล่อยปลา ฟังธรรม

อย่างนี้เรียกว่า "ชั่วการกุศล" เพื่อพ่อแม่ได้สุขสบาย 

ให้ลูกได้เล่าได้เรียน และไม่ว่าคุณมีอาชีพอะไร 

คุณยังมีเวลาทำดีอยู่ สิ่งดีงาม ยังรอให้คุณเดินเข้ามาหา

 

 

ประตูแห่งความดี สวรรค์ นิพพาน ยังเปิดให้คุณ โดยไม่เกี่ยงว่าคุณทำอาชีพอะไร

จะเป็นโสเภณี คนจับกุ้ง ทุบหัวปลาขาย ก็ยังมีสิทธิ์เข้าไปในประตูบานนั้น

หากยังเลิกอาชีพที่ทำอยู่ไม่ได้ในตอนนี้ ก็ให้ตั้งเป้าหมายในอนาคต ในวันข้างหน้า เดือนหน้า

ปีหน้า 2 ปีหน้า ว่าจะเลิกอาชีพนี้ ทำอะไรต้องมีเป้าหมาย มีสัจจะ สาบานกับตนเอง

นอกจากนี้ จะทำอะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมกตัญญูกับพ่อแม่ ให้ยึดสถานบันครอบครัวไว้ก่อน

และอย่าลืมหา กัลยาณมิตร หรือ หาเพื่อนที่ดีให้ตัวเอง เพราะข้างนอกอาจมีแต่คนจ้องเขมือบ

หรือจ้องเอาผลประโยชน์ ควรหากัลยาณมิตรไว้สักหนึ่งคน แล้วจะพบแสงสว่างในชีวิตเอง..."

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ 

Dhamma together:ความรู้...ไม่ได้อยู่ที่ครู

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

     

"อย่าคิดว่าความรู้อยู่ที่ครู คิดอย่างนี้โง่มาก

ครูเป็นแค่ผู้ที่เปิดประตูแห่งความรู้

ความรู้จริงๆ เกิดจากการเดินเข้าไปหามัน

หนังสือ จะไม่เดินมาหาคน

มีแต่คนที่จะต้องเดินเข้าไปหามัน..."

ท่าน ว.วชิรเมธี

Dhamma together:ใช้เงินให้น้อย...ใช้หัวให้เยอะ...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 "คนมักคิดว่า ความสำเร็จเป็นเรื่องซับซ้อน

แต่คนที่สำเร็จแล้วจะบอกคุณได้เสมอว่า

ความสำเร็จนั้นเรียบง่าย

ความล้มเหลวซับซ้อนกว่ามาก

ไอเดียที่สุดยอดจะเรียบง่าย มีที่มาที่ไปกระจ่างชัด

และน่าแปลกคือ มันไม่ได้ใช้เงินเยอะเท่าความล้มเหลว

สิ่งที่ดี สิ่งที่เวิร์ก จัดการดูแลมันเองได้ดีตั้งแต่เริ่ม

 

  

ไอเดียที่ดี ธนาคารที่อยากสนับสนุน ซับพลายเออร์ ให้เครดิต คนดีๆ มีฝีมือ 

มีคนอยากมาช่วยทำ  ถ้าสิ่งดีๆไม่ปรากฎ บางทีโลกกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง 

ให้เรามองดูใหม่ให้ดีๆ..."

"ใช้เงินให้น้อย...ใช้หัวให้เยอะ..."

"เมื่อไรที่คิดว่าต้องใช้เงินเยอะเกินตัว แสดงว่า ใช้หัวน้อยเกินไป..."

 

ฐิตินาถ ณ พัทลุง

Dhamma together:ยิ่งมืด ยิ่งเห็นไฟ...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

"เดี๋ยวนี้ในโลกมีไฟฟ้าใช้

แต่โลกยิ่งมืด

มืดกว่าสมัยโลกที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 

จิตใจมันสว่างกว่านี้

เดี๋ยวนี้มันใช้ไฟฟ้า

เพื่อส่งเสิมปัจจัยแห่งกิเลส..."

 

 

ท่านพุทธทาส  

Dhamma together:ค้นหาและแก้ไข...ที่ตัวเอง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

"เราต้องดูตัวเอง ดูว่าเราทำผิดอะไร

เหตุอะไรมันจึงเป็นแบบนี้

ค้นหาที่ตัว แล้วจะรู้

รู้จักตัวเองให้ค้นหาที่ตัวเอง

ไม่ไปค้นที่อื่น แล้วแก้ไขที่ตัวเองถูกต้อง..."

พระพรหมมังคลาจารย์

หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ

Sunday, May 12, 2013

Dhamma together:Spiritual Happiness

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 

"นอนมองตู้หนังสือมีความสุขมาก

 

เขาเรียกว่าเป็น Spiritual Happiness 

 

เป็นความสุขทางจิตวิญญาณ ต้องไปให้ถึงนะ

 

อย่าสนใจแต่ความสุขทางเนื้อหนัง

 

ความสุขจากจิตวิญญาณ

 

คือความสุขจากการที่มีความรู้..."

  ท่าน ว.วชิรเมธี

Thursday, May 9, 2013

Dhamma together:ส่องกระจกดูเงาของตัวเอง...


เรามักเห็นคนอื่นอย่างชัดเจนว่าเป้นอะไรต่ออะไร
แต่เรากลับไม่เห็นตัวเราเอง ที่เป้นเช่นนี้เพราะอะไร
ก็เพราะว่าคนเราชอบส่งจิตออกนอก ชอบเพ่ง
ความสนใจไปยังสิ่งนอกตัวจนลืมมองตัวเอง
ถ้ามองตัวเอง ก็จะมองหน้าตาตัวเองในกระจก
เป็นอย่างไร อันนี้เราทำบ่อย
อย่างที่เคยมีการทำวิจัยว่าฝรั่งจะส่องกระจกวันละ
ประมาณ 30 ครั้ง หรือเฉลี่ยทุกครึ่งชั่วโมงในเวลา
ที่ตื่น แต่นั่นไม่ใช่การมองตนอย่างแท้จริง
ที่น่าสังเกตก็คือ เวลาเครียด เวลาโมโห เรามักไม่ค่อยส่องกระจกเท่าไร ถ้าส่องกระจก
เราก็จะเห็นว่า เรากำลังเครียด เรากำลังหงุดหงิด เรามักจะส่องกระจกเวลาที่อารมณ์ดี
หรือรู้สึกว่าเรามีภาพลักษณ์ที่ดี หรือส่องเพื่อประดับหน้าตา แต่เวลาโกรธ เวลาเสียใจ
เศร้า เรามักไม่ค่อยส่องกระจก ถ้าหันมาส่องกระจกเวลามีอารมณ์บูดบ้าง อาจจะรู้ตัว
และหลุดจากอารมณ์นั้นได้เร็วขึ้น  จะได้ไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ลืมตัว
หรือเผลอทำอย่างคนอื่น..."
พระไพศาล วิสาโล 
-->


Wednesday, May 8, 2013

Dhamma together:พูดให้เป็นสุภาษิต...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

  "คนเรามีปาก ปากมีไว้พูด 

 พูดเรื่องที่เป้นสาระ เป็นแก่นเป็นสาร

 เราจะไม่พูดสิ่งเหลวไหล

 เราจะพูดแต่เรื่องที่ดีงาม

 พูดอย่างไรเรียกว่าพูดดี

 คือพูดเป็นสุภาษิต..."

 พระพรหมมังคลาจารย์

หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ

พูดเป็นสุภาษิต คืออะไร อ่านต่อที่นี่

http://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk10.htm

Tuesday, May 7, 2013

Dhamma together:โฟกัส....กับเรื่องยิ้มๆ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 "ถ้าสังเกตขณะที่เรายิ้ม...

จิตใจข้างในจะเบาบางลง

ลองฝึกยิ้มข้างนอก...แล้วข้างในจะยิ้มตาม...

เราอาจจะยิ้มกับข้าวของที่อยู่ตรงหน้าไปก่อน

เพื่อให้มีจุดโฟกัส ขณะยิ้มให้เราลองรับรู้ลมหายใจ

เราจะเริ่มรู้สึกสบายๆ ข้าวของที่เรายิ้มให้ จะเป็นภาพเงียบๆ

(ไม่มีการสร้างอารมณ์ปรุงแต่งใดๆ)

คือจะเป็นแบบเห็นแล้ว สักแต่ว่าเห็นไปเอง..."

หลวงปู่ติช นัท ฮันห์

Dhamma together:ฝึกมองโลกในแง่ดี...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 "ฝึกคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี 

 เรื่องส่วนตัวและเรื่องรอบๆตัวทั้งโลก

 เมื่อไม่ดี ไม่ถูกใจ ให้พักไว้ สงบเงียบอยู่ในใจ

 รู้อยู่ เห็นอยู่ แต่ไม่ต้องปรุงแต่งขึ้นมา 

 มีหิริโอตัปปะ ต่อคำว่า ไม่ดี

 รักษาใจ รักษาความรู้สึกที่ดีเอาไว้

 เมื่อรู้สึกดีก็สบายใจ สุขใจ คิดดี พูดดี ทำดี

(ส่งความรู้สึก กระแสจิตดีๆ สุขใจนี้ออกไป ความเมตตาจะทำให้เราไม่คิดร้าย พูดร้าย 

และไม่ทำร้ายใคร ที่สุดของเมตตา คือ จะไม่มีความพยาบาทเกิดขึ้นในใจ แม้ว่าผู้อื่นจะมา

คิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายเราก็ตาม เป็นความเมตตาที่ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ

เป็นความเมตตาที่มีให้แม้แต่ศัตรู ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า)

("แม้ถูกเขาจับมัดมือมัดเท้า แล้วเอาเลื่อยมาเลื่อยร่างกายให้ขาดเป็นสองท่อน

หากยังคิดโกรธ อาฆาต พยาบาทอยู่ ผู้นั้นไม่ชื่อว่าเห็นธรรม...")

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ใจสว่าง

ใจคนเหมือนไฟฉาย ถ้าไม่เปิดก็ไม่สว่าง

เราได้ยินกันเสมอ คำว่า ‘ใจแคบ’ กับ ‘ใจกว้าง’
ใจแคบหมายถึงเอาแต่ความคิดเดิมๆของตัวเอง
ยึดมั่นถือมั่นตัวเองสุดขีด
ส่วนใจกว้างหมายถึงการเป็นคนรู้จักรับฟังคนอื่น
พร้อมจะปล่อยวางแม้ความคิดที่เคยยึดมั่นของตัวเอง
ถ้ามันผิดจริง หรือล้าสมัยจริง

ความจริงที่น่าสังเกตคือคนใจแคบ
มักปรากฏตัวพร้อมกับความรู้สึกมืดทึบแบบคนเห็นแก่ตัว
ส่วนคนใจกว้างนั้น
จะนำมาซึ่งกระแสความรู้สึกสว่างโล่งแบบคนมีเมตตา
จึงปรากฏตัวพร้อมกับทำให้คนเห็นเกิดความรู้สึกสว่าง
ราวกับส่องไฟฉายทำลายความมืด

การมีใจเปิดกว้าง คือพร้อมจะเข้าใจทุกคน
รับฟังทุกคน กับทั้งรู้จักให้โอกาสทุกคน
คำนึงถึงความสุขของทุกคน
ใจแบบนั้นให้ความรู้สึกสว่างทั้งกับตนเอง
และคนใกล้ชิด หรือกระทั่งผู้ได้พบปะพูดคุยในเวลาสั้นๆ
ทุกคนสามารถอ่านตัวเองออกว่าอยู่กับใจมืดหรือใจสว่าง
ก็จากความเปิดกว้างหรือคับแคบในการรับฟังคนอื่นนี่เอง

ดังตฤณ
เมษายน ๕๖

Sunday, May 5, 2013

การได้พบพระพุทธศาสนาเป็นของยาก





การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก - แต่การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งกว่า

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่า การที่......เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์

ในฐานะมนุษย์ไม่มากก็น้อยที่ใจของเราได้มีประสบการณ์ในภพชาติอื่น ๆ ทั้งที่ต่ำกว่าและสูงกว่าภพมนุษย์ เรามีปัญญาที่จะรู้ได้จากประสบการณ์ของเราแล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี 

การเกิดเป็นมนุษย์ถ้าดีก็ดีได้มากๆ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะถ้าประมาทก็ทำชั่วได้มาก ถ้าไม่ประมาท รักษาศีล 5 ทำความดี สร้างบารมี ตั้งใจพัฒนาชีวิตจิตใจแล้วก็สามารถมีประสบการณ์สูงขึ้น เป็นเทวดา พรหม ตลอดจนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล บรรลุนิพพานได้ มนุษย์จึงเป็นชาติที่มีทางเลือก

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่พระ พุทธเจ้าจะอุบัติมา

เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง

ดังนั้นสำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง การเลือกทางดำเนินชีวิตของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

การอุบัติของพระพุทธเจ้ามีได้ยาก
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งกว่า.

Saturday, May 4, 2013

Dhamma together:ทุกอย่าง...สามารถผ่านพ้นไปได้...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 

"ทุกอย่างสามารถผ่านพ้นไปได้...

ถ้าหาทางออกไม่เจอ...

ก็ให้ออกทางที่เข้ามา...

ปัญหาเกิดขึ้นตรงจุดไหน ก็แก้ตรงจุดนั้น

พ่อแม่ด่าเราว่า ไม่ตั้งใจเรียน

ก็ไปตั้งใจเรียนซะ...ก็เท่านั้นเอง...

พระมหาสมปอง

ตาลปุตฺโต

เคล็ดลับความสำเร็จ(ย่อมา) ฉบับพระมหาสมปอง

1. ทำทุกอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

2. รู้จักพักเมื่อเพลีย เพื่อให้มีโอกาสสร้างแรงบัลดาลใจใหม่ๆ

3. วางแผนชีวิตอย่างค่อยเป้นค่อยไป เพื่อที่จะได้พัฒนาตนเอง

Wednesday, May 1, 2013

Dhamma together:ความไม่ประมาท...หัวใจของการดำรงชีวิต...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 "หัวใจของการดำนงชีวิตอยู่อย่างดีที่สุด ก็คือ

 การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท

 ไม่ประมาทในอะไรเล่า

 1. ไม่ประมาทในชีวิต...ว่าจะยืนยาว...

 2. ไม่ประมาทในวัย...ว่ายังหนุ่มสาว...

 3. ไม่ประมาทในสุขภาพ...ว่ายังแข็งแรง...

 4. ไม่ประมาทในเรื่องเวลา...ว่ายังมีอีกมาก...

 5. ไม่ประมาทในธรรม...ว่าเอาไว้ก่อน วันหลังค่อยสนใจ..."

ท่าน ว.วชิรเมธี